การสร้างและพัฒนาชุดการสอนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
โดยใช้กิจกรรมการสอนแบบ TOTAL PHYSICAL RESPONSE
PRODUCTION AND DEVELOPMENT INSTRUCTIONAL PACKGAGE
ON MATHEMATIC FOR PRATHOMSUKSA V STUDENTS
USING TOTAL PHYSICAL RESPONSE PROCESS
นาย ทรงศักดิ์ บุญยัสสะ . 2544 . การสร้างและพัฒนาชุดการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้กิจกรรมการสอนแบบ Total Physical Response . รายงานการศึกษาอิสระปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วัตถุประสงค์
เพื่อสร้างชุดการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมปีที่ 5 เรื่องการบวก การลบ การคูณ และการหาร โดยใช้กิจกรรมการสอนแบบ TPR (Total Physical Response ) ที่มีประสิทธิภาพ
วิธีการดำเนินงาน
1. กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือ
3. วิธีดำเนินการสร้างเครื่องมือ
4. ขั้นตอนการสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ
ในการศึกษาอิสระครั้งนี้ มีขั้นตอนดำเนินงานเป็นขั้นตอนใหญ่ๆ ได้ 4 ขั้น ดังนี้
4.1 กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
4.2 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาอิสระ
4.3 วิธีดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อสร้างเครื่องมือ
4.4 ขั้นตอนการสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ
สามารถเขียนเป็นขั้นตอนการดำเนินงานให้ละเอียด และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
1. กำหนดระดับชั้นและวิชาที่จะสร้างชุดการสอนและเพื่อหาประสิทธิภาพ เลือกวิชาคณิตศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
2. ศึกษาหลักสูตร คู่มือครู และแบบเรียน แล้วกำหนดเนื้อหาหรือหัวข้อเรื่องที่จะสร้างชุดการสอน เลือกบทที่ 2 เรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหาร
3. แบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วยย่อย ได้จำนวน 10 หน่วย คือ
หน่วยที่ 1 การสลับที่ของการบวก
หน่วยที่ 2 การเปลี่ยนกลุ่มของการบวก
หน่วยที่ 3 การบวกลบระคน
หน่วยที่ 4 การสลับที่ของการคูณ
หน่วยที่ 5 การเปลี่ยนกลุ่มของการคูณ
หน่วยที่ 6 สมบัติการแจกแจง
หน่วยที่ 7 การหาร
หน่วยที่ 8 การบวกลบคูณหารระคน
หน่วยที่ 9 โจทย์ปัญหา
หน่วยที่ 10 โจทย์ปัญหา
4. กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ ได้จำนวน 2 ข้อคือ
4.1 สามารถใช้สมบัติการสลับที่ของการบวก สมบัติของการเปลี่ยนกลุ่มการบวก สมบัติการสลับที่ของการคูณ สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มของการคูณและสมบัติการแจกแจงช่วยในการหาคำตอบได้
4.2 เมื่อกำหนดโจทย์หรือโจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หาร ให้สามารถหาคำตอบได้
5. วิเคราะห์และเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ได้ทั้งหมด 10 ข้อ
5.1 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติการสลับที่ของการบวกช่วยในการหาคำตอบได้
5.2 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มของการบวกช่วยในการหาคำตอบได้
5.3 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติของการบวก การลบหาคำตอบได้
5.4 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติการสลับที่ของการคูณหาคำตอบได้
5.5 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มของการคูณหาคำตอบได้
5.6 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้สมบัติการแจกแจงช่วยในการคำตอบได้
5.7 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้วิธีการหารสั้นและหารยาวช่วยในการหาคำตอบได้
5.8 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถใช้
5.9 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาแล้วหาผลลัพธ์จากโจทย์ปัญหาได้
5.10 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาระคนแล้วหาผลลัพธ์จากโจทย์ปัญหาระคนได้
6. ดำเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบทดสอบ ที่ใช้วัดและประเมินผลก่อนเรียนหลังเรียน ที่มีค่าความยากง่าย ( P) อยู่ระหว่าง .38 – .78 และค่าอำนาจจำแนก ( r) ตั้งแต่ .30 ขึ้นไปและมีค่าความเชื่อมั่น ( Reliability ) เท่ากับ .74 ซึ่งได้ข้อสอบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 20 ข้อ
7. ดำเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหาร สำหรับชั้นประถมปีที่ 5 ประจำภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเหล็ก โรงเรียนบ้านทันดู่เหนือ โรงเรียนบ้านโนนสูงวังขอนจิก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 30 คาบ คาบละ 20 นาที ขั้นตอนการใช้ชุดการสอนเพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ E1 / E2 = 80 / 80 และ E.I มีค่าตั้งแต่ .50 ขึ้นไปโดยใช้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ( 1: 1) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ภาษาและความเหมาะสมด้านเวลา ทดลองกลุ่มเล็ก (1: 10) เพื่อปรับปรุงแก้ไข แล้วนำไปทดลองภาคสนาม (1: 100) พร้อมทั้งนำไปพัฒนาเพื่อหาประสิทธิภาพชุดการสอนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผลปรากฏผลดังนี้
7.1 การทดลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ( One-to-One-testing ) ในขั้นตอนนี้ได้นำชุดการสอนที่สร้างขึ้นใช้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านหนองเหล็กที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับ เก่ง ปานกลาง และ อ่อน ระดับละ 1 คน รวมเป็น 3 คน เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมทั้งในด้านเนื้อหา การสื่อความหมาย และเวลาที่ใช้ ซึ่งผลการทดลองพบว่ามีประสิทธิภาพ E1 / E2 เท่ากับ 87.22 / 81.67 ซึ่งได้ผลตามเกณฑ์ที่กำหนด สรุปว่ามีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ทดลองกับกลุ่มเล็กดังต่อไปได้
7.2 ทดลองใช้กับกลุ่มเล็ก หรือ การทดลองแบบกลุ่มเล็ก (Small Group ) เป็นการนำชุดการสอนที่สร้างขึ้นทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านหนองเหล็ก ที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับ เก่ง ปานกลาง และ อ่อน ระดับละ 3 คน รวมเป็น 9 คนเพื่อใช้ในชุดการสอน ขั้นตอนนี้จะมีการทดสอบก่อนเรียน หลังจากนั้นจะมีการเรียนด้วยชุดการสอนแล้วทดสอบหลังเรียนอีกครั้งหนึ่งโดยใช้แบบทดสอบชุดเดียวกับการทดสอบก่อนเรียนปรากฏผลดังนี้ได้ค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 = 85 / 82.22 และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I. เท่ากับ .65 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจที่จะเรียนมากขึ้น และให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงจึงมีการปรับปรุงชุดการสอนดังนี้
7.2.1 ปรับปรุงคำสั่งในใบงานให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
7.2.2 ปรับปรุงขั้นตอนในการรายงานผลของกลุ่มกิจกรรม
7.2.3 ปรับปรุงสื่อการสอนและกระบวนการใช้สื่อให้เหมาะกับเวลาโดยเมื่อนักเรียนได้ข้อมูลจากสื่อแล้วให้เก็บสื่อทันที เหลือไว้เฉพาะสื่อเสริมที่จัดไว้สำหรับนักเรียนที่ทำใบงานเสร็จก่อนได้ศึกษาเพิ่มเติม
7.2.4 ปรับกิจกรรมในแผนการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น
7.3 การทดลองภาคสนาม ( Field Testing ) หรือการทดลองกับกลุ่มใหญ่กับนักเรียนจำนวน 30 คน จากโรงเรียนบ้านทันดู่เหนือ ที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อน การทดลองภาคสนามนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อต้องการทราบว่าชุดการสอนที่สร้างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปหรือไม่ ซึ่งผลจากการวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพ ปรากฏผลดังนี้ ค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 = 83.33 / 80.83 และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I. = .63 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
7.4 การพัฒนาชุดการสอน ( Development ) หลังจากทดลองภาคสนามแล้วได้นำชุดการสอนไปพัฒนาอีกครั้งหนึ่งกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านโนนสูงวังขอนจิกอีก 1 ห้องเรียน จำนวน 24 คน เพื่อดูว่าสื่อ อุปกรณ์การสอนใบงาน กิจกรรมและกระบวนการที่ใช้ในชุดการสอนนั้นมีความสอดคล้องสมบูรณ์น่าชื่อถือเพียงใด ซึ่งผลการวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพ ปรากฏผลดังนี้ ค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 = 80.28 / 79.58 และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I. = .67 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แม้ว่าค่าของ E2 ที่ได้ 79.58 ซึ่งต่ำกว่า 80 ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แต่เกณฑ์ที่ตั้งไว้นั้นสามารถที่จะให้ค่าความคลาดเคลื่อนได้ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ถือว่าชุดการสอนมีประสิทธิภาพ การที่ค่าประสิทธิภาพออกมาเช่นนี้ อาจเป็นเพราะนักเรียนที่ใช้ในการทดลอง มีพื้นฐานทางคำนาณไม่เพียงพอ หรือนักเรียนอาจทราบว่าการทำกิจกรรมครั้งนี้เป็นเพียงการทดลองเท่านั้น ไม่เกิดผลกับการเรียนของนักเรียนโดยตรงจึงทำให้ค่าที่ได้เกิดความคลาดเคลื่อนได้
เทคโนโลยีที่ใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป IAP ( Item Analysis Program )
|