นาย เกษม มุ่งลือ . 2544 . การสร้างชุดการสอนเรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติวิชาคณิตศาสตร์ สำหรับมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายงานการศึกษาอิสระปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วัตถุประสงค์
เพื่อสร้างชุดการสอนประกอบคำบรรยายวิชาคณิตศาสตร์ ค013 เรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติ
( Trigonometric Functions ) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วิธีดำเนินการ
ในการศึกษาครั้งนี้ มีขั้นตอนในการดำเนินงานเป็นขั้นตอนใหญ่ๆ ได้ 4 ขั้น ดังนี้
1.กำหนดประกรและกลุ่ม
2.เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
3.วิธีการดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหารเพื่อสร้างเครื่องมือ
4.ขั้นตอนการสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ
สามารถเขียนเป็นขั้นตอนในการดำเนินงานให้ละเอียด และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
1. กำหนดระดับชั้นและวิชาที่จะสร้างชุดการสอนประกอบคำอธิบาย และเพื่อหาประสิทธิภาพ เลือกวิชาคณิตศาสตร์ ค 013 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
2. ศึกษาหลักสูตร คู่มือครู และแบบเรียน แล้กำหนดเนื้อหาหรือหัวข้อเรื่องที่จะสร้างชุด
3. การสอนประกอบคำบรรยาย เลือกบทที่ 2 เรื่องฟังชันก์ตรีโกณ (Trigonometric Functions)
แบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วยย่อยได้จำนวน 9 หน่วย คือ
หน่วยที่ 1 การหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของจำนวนจริงหรือมุม (A±B)
หน่วยที่ 2 การหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลคูณของจำนวนจริงหรือมุม (n A)
หน่วยที่3 การหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
หน่วยที่ 4 กราฟและการหาฟังชันก์อินเวอร์สของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
หน่วยที่ 5 การหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ฟังชันก์อินเวอร์สของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
หน่วยที่ 6 การพิสูจน์เอกลักษณ์ฟังชันก์ตรีโกณมิติ
หน่วยที่ 7 การแก้สมการและอสมการของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
หน่วยที่ 8 การหาและใช้กฎของไซน์และกฏของโคไซน์
หน่วยที่ 9 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการหาระยะทางความสูง
4. กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ ได้จำนวน 9 ข้อคือ
4.1 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของจำนวนจริงหรือมุม (A±B)
4.2 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลคูณของมุ่งเน้นให้นักเรียน
4.3 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องวิธีการหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
4.4 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องกราฟและการหาฟังชันก์อินเวอร์สของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
4.5 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ฟังชันก์อินเวอร์สของฟังชันก์ตรีโกณมิติ
4.6 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการพิสูจน์เอกลักษณ์ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
4.7 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการแก้สมการและอสมการของฟังก์ชันตรีโกณมิติ
4.8 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่องการหาและใช้กฎของไซน์และกฏของโคไซน์
4.9 เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้ใจในเรื่อการแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการหาระยะทางความสูง
5. วิเคราะห์และเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ได้ทั้งหมด 12 ข้อ
5.1 มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้เรื่องฟังชันตรีโกณมิติ
5.2 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของจำนวนจริงหรือมุม Sin(A±B) และ Cos(A±B)
5.3 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลคูณของจำนวนจริงหรือมุม tan(A±B) และ cot(A±B)
5.4 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลคูณของจำนวนจริงหรือมุม Sin(A) ,Cos(A),tan(A)และ cot(A)
5.5 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหาสูตรและใช้สูตรเอกลักษณ์ในรูปผลบวกและผลต่างของฟังก์ชันตรีโกณมิติ Sin(A+B)±Sin(A-B)และ Cos(A+B)±Cos(A+B)
5.6 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ของฟังก์ชันตรีโกณมิติได้
5.7 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถแก้สมการฟังก์ชันตรีโกณมิติได้
5.8 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถแก้อสมการฟังก์ชันตรีโกณมิติได้
5.9 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหาฟังก์ชันอินเวอร์สของฟังก์ชันตรีโกณมิติได้
5.10 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหากฏของ Sine,Cosine และหาพื้นที่สามเหลี่ยมใดๆได้
5.11 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถหากฏของ Sine,Cosine และหาส่วนที่เหลือของสามเหลี่ยมใดๆได้
5.12 มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถการแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการหาระยะทางและความสูงได้
6. ดำเนินการสร้างและหารประสิทธิภาพของแบบทดสอบ ที่ใช้วัดและประเมินผลก่อนเรียนหลังเรียน ที่มีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.22-0.75 และค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.24 ขึ้นไปและมีค่าความเชื่อมั่น (Reliality) เท่ากับ 0.76 ซึ่งได้ข้อสอบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 20 ข้อ
7. ดำเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพชุดการสอนประกอบคำบรรยาย วิชาคณิตศาสตร์ ค o13 เรื่อง ฟังก์ชันตรีโกณมิติ (Trigonometric Functions) สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประจำภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนขอนแก่นพัฒศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 16 คาบ คาบละ 50 นาที ขั้นตอนการใช้ชุดการสอนประกอบคำบรรยาย เพื่อปรับปรุงให้มีประสิมทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ E1/E2 = 80/80 และE.I มีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป โดยการใช้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง(1:1) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ภาษาและความเหมาะสมด้านเวลา ทดลองแบบกลุ่มเล็ก(1:10) เพื่อปรับปรุงแก้ไข แล้วนำไปทดลองภาคสนาม(1:100) เพื่อหาประสิทธิภาพสามารถชุดการสอนประกอบคำบรรยาย ปรากฏผลดังนี้
7.1 การทดลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One testing) ในขั้นตอนนี้ได้นำชุดการสอนประกอบคำบรรยายที่สร้างขึ้นทดลองใช้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับ เก่ง ปานกลาง และ ต่ำ ระดับละ 1 คน รวมเป็น 3 คน เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมทั้งด้านเนื้อหา การสื่อความหมาย และเวลาที่ใช้ ซึ่งการทดลองพบว่ามีประสิทธิภาพ E1/E2 = 93.33/80 ซึ่งได้ผลตามเกณฑ์ที่กำหนด สรุปว่ามีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ทดลองกับกลุ่มเล็กต่อไป
7.2 ทดลองใช้กับกลุ่มเล็ก หรือ การทดลองสุ่มกลุ่มเล็ก(Small Group) เป็นการนำชุดการสอนประกอบคำบรรยายที่สร้างขึ้นทดลองใช้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับ เก่ง ปานกลาง และ ต่ำ ระดับละ 3 คน รวมเป็น 9 คน เพื่อใช้ชุดการสอนประกอบคำบรรยาย ขั้นตอนนี้จะต้องมีการทดสอบก่อนเรียน หลังจากนั้นจึงมีการเรียนด้วยชุดการสอนประกอบคำบรรยาย แล้วทดสอบหลังเรียนอีกครั้งหนึ่งโดยใช้แบบทดสอบชุดเดีวยกับการทดสอบก่อนเรียนปรากฏผลดังนี้ ได้ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 = 93.34/80 และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I เท่ากับ 0.70 ซึ่งสูงว่าเกณฑ์มาตราฐานทีทกำหนด และเพื่อการกระตุ้นให้เกิดความสนใจที่จะเรียนมากขึ้น และให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงจึงมีการปรับปรุงชุดการสอนดังนี้
7.2.1 เขียนโจทย์ปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมกับชีวิตจริง
7.2.2 เพิ่มกิจกรรมกลุ่มให้ผู้เรียนมีการปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มหรือการร่วมมือกันเรียน
7.2.3 ปรับกิจกรรมในแผนการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้มากขึ้น
7.3 การทดลองภาคสนาม(Field Testing) หรือการทดสอบกลุ่นใหญ่กับนักเรียนที่เหลือจำนวน 30 คน การทดลองภาคสนามนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อต้องการทราบว่าชุดการสอนประกอบคำบรรยายที่สร้างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปหรือไม่ ซึ่งจากผลการวิเคราะห์หาค่าปรพสิทธิภาพ ปรากฏผลดังนี้ ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 = 85.72/80.33 และค่าดัชนีประสิทธิผล E.I เท่ากับ 0.72 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
เทคโนโลยีที่ใช้ คอมพิวเตอร์
|